ถาม –ตอบ
การสร้างและการบริหารภาพลักษณ์
ตอบ ภาพในความนึกคิด/จิตใจจากความประทับใจที่ได้รับและรู้สึกต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือคนใดคนหนึ่งหรือองค์กรใดองค์กร หนึ่ง อาจเป็นภาพที่เกิดขึ้นในทางบวกหรือทางลบก็ได้
ตอบ 1. Corporate Image
2. Product / Service Image
3. Brand Image
4. Wish Image
5. Current Image
6. Mirror Image
ตอบ 1. ความประทับใจ (Impression)
2. การบริหารจัดการ (Management)
3. การกระทำ (Action)
4. ความดีงามหรือการกระทำดีเพื่อสังคม (Goodness)
5. พนักงาน (Employee)
ตอบ การจัดการการสื่อสารอย่างมีแผนขององค์การหรือหน่วยงาน เพื่อให้สาธารณชน เกิดการรับรู้ เข้าใจยอมรับ เชื่อมั่น ร่วมมือ และสนับสนุน การดำเนินงานขององค์การ
ตอบ ความร่วมมือ และสนับสนุนทัศนคติที่ดี และการยอมรับความรู้ ความเข้าใจ
ตอบ เพื่อการบริหารจัดการ PR เป็นเครื่องมือการบริหารสมัยใหม่
เพื่อสร้างภาพลักษณ์ PR เป็นเครื่องมือการบริหารเชิงรุก
เพื่อส่งเสริมการตลาด PR เป็นหน้าที่ของพนักงานทุกคน
PR เป็น Team Effort
ตอบ การจัดการสื่อสารเพื่อสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าระหว่างองค์การกับสาธารณชนที่มีความหลากหลาย เพื่อสนับสนุนการจัดการขององค์กรให้บรรลุวัตถุประสงค์ เช่น การสื่อสารเพื่อสร้างภาพลักษณ์ ความร่วมมือ ฯลฯ
ตอบ การจัดการสื่อสารเพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์ทางการตลาด เช่น การสื่อสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ ตราสินค้า ตัวสินค้า ช่องทางการจำหน่าย…เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ความเข้าใจในตัวสินค้า ตลอดจนจูงใจให้ช่องทาง การจำหน่ายช่วยผลักดันสินค้าไปสู่ผู้บริโภค ฯลฯ
ตอบ “ชุดกิจกรรมการสื่อสารที่วางแผนไว้ล่วงหน้า เพื่อให้กลุ่มเป้ าหมายเปลี่ยนแปลงความรู้ ทัศนคติ พฤติกรรมในระยะเวลาที่กำหนด”
ตอบ 1. มีจุดมุ่งหมายเฉพาะเจาะจง
2. มุ่งเป้าไปที่คนจำนวนมาก ระบุว่าเป็นใครและจำนวนเท่าใด
3. ระบุเวลาที่ชัดเจน
4. มีผู้นำ
5. มีโครงสร้างการทำงานแบบองค์การ
6. ไม่มีฝ่ายต่อต้านจริงจัง
7. มีลักษณะของการโน้มน้าวใจอยู่ด้วยเสมอ
8. มีการออกแบบและวางแผนกิจกรรมการสื่อสารล่วงหน้า
ตอบ กลยุทธ์การสื่อสารการตลาด
การจัดการสื่อสารเพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์ทางการตลาด เช่น การสื่อสาร ตราสินค้า ตัวสินค้า ช่องทางการจำหน่าย...เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ความเข้าใจในตัวสินค้า ตลอดจนจูงใจให้ช่องทางการจำหน่ายช่วยผลักดันสินค้าไปสู่ผู้บริโภค ฯลฯ
ตอบ กลยุทธ์ IMC
ตอบ “กระบวนการพัฒนาโดยใช้การสื่อสารทุกรูปแบบเป็นเครื่องมือนำสินค้าและบริการไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยมีจุดมุ่งหมายให้เกิดผลกระทบต่อพฤติกรรม”
ตอบ • ก่อให้เกิดผลด้านพฤติกรรม
• ใช้การสื่อสารทุกรูปแบบให้เกิดพลังร่วมกันโดยใช้แนวทาง “Outside-in”
• “สาร” จะต้องมีศักยภาพ และสอดคล้องกันเป็นหนึ่งเดียว (Oneness or One Voice)
• การสื่อสารสองทางแบบมีดุลยภาพ
• สร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายในระยะยาว
ตอบ - กลยุทธ์แบบสนับสนุน (Facilitative Strategy)
- กลยุทธ์แบบให้ความรู้ (Reeducation Strategy)
- กลยุทธ์แบบโน้มน้าวใจ (Persuasive Strategy)
- กลยุทธ์แบบใช้อำนาจ (Power Strategy)
ตอบ 1. ศึกษาและเรียนรู้กลุ่มเป้าหมาย (Knowing your market)
2. สร้างการรับรู้ (Creating Perception)
3. การรักษาระดับการรับรู้ (Maintain Perception)
4. การแก้ไขการรับรู้ (Change Perception)
ตอบ 1. วิเคราะห์ SWOT องค์กร
2. กำหนด ภาพลักษณ์ที่ต้องการและเป็นไปได้
3. ประเมินแนวทางที่จะส่งผลกระทบและความเป็นไปได้ที่จะแสดงภาพลักษณ์ต่อกลุ่มเป้าหมาย
4. วางแผนการสื่อสารทุกๆ ช่องทางที่จะสร้างภาพลักษณ์
ตอบ - ระยะป้องกัน
- ระยะก่อตัว
- ระยะเกิดเหตุ
- ระยะฟื้นฟู
ตอบ 1. จัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสารหรือศูนย์เผยแพร่ข่าวสาร
2. กำหนดตัวผู้ให้ข่าว (Spokesperson)
3. เตรียมข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับองค์การสำหรับสื่อมวลชน
4. กำหนดกลุ่มเป้ าหมายซึ่งได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. กำหนด Key Message
6. ควบคุมการนำเสนอข่าวและอำนวยความสะดวกให้สื่อมวลชน
7. สำรวจ Public Opinion เป็นระยะ
8. เตรียมการสื่อสารฟื้นฟูความเชื่อมั่น
ตอบ ชื่อเสียงขององค์กร ทั้งนี้เพราะชื่อเสียงขององค์กรก่อให้เกิดความศรัทธา การร่วมมือ ตลอดจนแรงบันดาลใจที่จะใช้สินค้า บริการ ก่อให้เกิดความผูกพันระหว่างองค์กรกับลูกค้า รวมถึงสาธารณชน
ตอบ การที่ชื่อเสียงขององค์กรจะเติบโตได้มีข้อได้เปรียบคือ ด้านความเชี่ยวชาญ ชำนาญในการสื่อความ การเลือกช่องทาง การคิดค้นกิจกรรมการสื่อสารที่โดดเด่น และโดนใจ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจูงใจหรือโน้มน้าวกลุ่มเป้าหมาย และนาผลการวิจัยมาช่วยในการสื่อสาร ทำให้การสร้างภาพลักษณ์มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ตอบ เนื้อหาสาระของข่าวสาร (Message Orientation) ด้วย ความสามารถในการบริหารและจัดการกับการสื่อสารประเด็นได้เป็นอย่างดี ทั้งเพื่อการบรรลุเป้าหมายและเพื่อให้องค์กรมีภาพลักษณ์มั่นคง
ตอบ โดยอาศัยส่วนผสมทางการตลาดรวมไปถึงมิติอื่นๆ ของธุรกิจมาเป็นแนวทางการพิจารณา ได้แก่
- ภาพลักษณ์ที่พึงประสงค์ด้านบริการ เช่น ความน่าเชื่อถือ บริการมีความทันสมัยมีเอกลักษณ์โดดเด่น มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
- ภาพลักษณ์ที่พึงประสงค์ด้านราคา
- ภาพลักษณ์ของกิจกรรมส่งเสริมการขาย
- ภาพลักษณ์ที่พึงประสงค์ด้านช่องทางการบริการ เช่น เครือข่าย จานวนสาขา พนักงาน ความสวยงาม โดดเด่น
- ภาพลักษณ์ของกิจกรรมการสื่อสารองค์กร เช่น การส่งเสริมด้วยกิจกรรมผ่านช่องต่าง
- ภาพลักษณ์ที่พึงประสงค์ด้านประสิทธิภาพ
- ภาพลักษณ์ที่พึงประสงค์ด้านองค์กร
- ภาพลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับความรู้ความสามารถและคุณธรรมของเจ้าของธุรกิจและผู้บริหาร
ตอบ - การสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน
- การให้ข้อมูลเชิงการศึกษาแก่ผู้บริโภค
- การตอบอธิบายข้อซักถามและการแก้ปัญหา
ตอบ ความรู้สึกที่ผู้บริโภคสั่งสมรวบรวมมาจากทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวสินค้า ไม่ใช่เพียงชื่อ ตราโลโก้
ตอบ 1. Attribute – รูปร่างหน้าตาภายนอกที่จะทำให้เกิดการจดจำ__
2. Benefit - บอกคุณประโยชน์ เช่น ฟันขาว ผมนุ่ม
3. Value – ทำให้รู้สึก ใช้แบรนด์นี้แล้วภาคภูมิใจ ไว้ใจเพราะมานาน
4. Personality – มีบุคลิกภาพ ใช้แล้วเป็นวัยรุ่น ใช้แล้วเป็นคนทันสมัย
ตอบ - ส่วนที่จับต้องได้ (Tangible Assets) ได้แก่ รูปร่างหน้าตา(attributes) และคุณประโยชน์
(benefits)
- ส่วนที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Assets) ได้แก่ คุณค่า(values)และบุคลิกภาพ(personality)
ตอบ ตัวตนที่แท้จริงของแบรนด์ที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกแบรนด์นั้นอย่างมีศรัทธา อาจเป็นองค์ประกอบใดของแบรนด์ก็ได้ ระหว่าง attributes/benefits/values/personality โดยขึ้นกับแต่ละตลาดและประสบการณ์ของผู้บริโภค
ตอบ พิมพ์เขียวของแบรนด์ เป็นระบบที่วางไว้ ว่าควรจะใช้ชื่อแบรนด์อย่างไร ชื่อใดคือแบรนด์หลัก หรือแบรนด์แม่(Umbrella Brand) และชื่อใดคือแบรนด์ลูก(Sub-brand) โดยแต่ละองค์กรต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าจะใช้แบรนด์หลักควบคู่กับแบรนด์ลูกอย่างไร
ตอบ เอกลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งหมายรวมถึงทุกสิ่งที่ทำให้แบรนด์มีเอกภาพไปในทิศทางเดียวกันทั้งเอกลักษณ์ด้านภาพ เสียง และพฤติกรรม